การที่จะเป็น Developer ที่เก่งกว่าคนทั่วไปนั้น เราควรจะต้องมีนิสัยอีกอย่างนึงที่ขาดไม่ได้คือ การชอบแก้ปัญหา
คนเราทุกๆคนต่างนั้นต่างก็มีปัญหามากอยู่แล้ว สิ่งที่ไม่ควรทำเลยคือการเพิ่มปัญหาให้คนอื่น ดังนั้นเวลาที่เราจะต้องไปขอความช่วยเหลือคนอื่นเราควรที่จะเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด
Come with Solution, not problem
ขั้นตอนที่ผมใช้บ่อยที่สุดในการไปขอความช่วยเหลือคนอื่นคือ
- ศึกษาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับปัญหาด้วยตัวเองก่อนให้ได้มากที่สุด
- ลองแก้ปัญหาด้วยวิธีต่างๆหลายๆวิธี ถ้ามีคำตอบหลายวิธีทำการวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของแต่ละวิธี เพราะผมเชื่อว่าปัญหาต่างๆ น่าจะมีวิธีแก้ไขได้มากกว่า 1 วิธี
- หาจุดยืนในวิธีที่เราเองคิดว่าดีที่สุด
- ลุยยย ไปขอคำปรึกษาผู้รู้กัน
ยกตัวอย่าง(แบบกว้างๆ) เช่น ผมมีปัญหาว่า Server ที่ผมดูแลทำงานช้าจัง ถ้าผมไปถามคนอื่นทันทีอาจจะไม่ได้คำตอบแน่นอน เราก็ต้องลองมาทำงานการบ้านกันก่อน เช่น
- ไปศึกษาว่าระบบช้าเพราะอะไร สมมติว่าเจอว่า CPU ทำงานหนักตลอดเวลา
- ลองแก้ปัญหาดูเราอาจจะพบว่ามีทางออก 2 ทาง
A. อัพเกรด CPU ให้เร็วขึ้น
ข้อดี – แก้ปัญหาได้ 20%
ข้อเสีย – ใช้งบ 30,000 บาทต่อ Server และอาจจะมี Downtime สูง
B. ปรับปรุง Software ให้ดีขึ้น
ข้อดี – รีดประสิทธิภาพครื่องปัจจุบันได้ดีขึ้น ดูเป็นวิธีของ Engineer ดีและประหยัดงบ
ข้อเสีย – อาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ไขมากซัก 1 เดือน - ผมชอบ ทางเลือกที่ B นะดูท้าทายดี
- จากนั้นก็ลองไปปรึกษาคนอื่นๆในทีมงานว่ามันเป็นไปได้มั้ย
เพียงเท่านี้จากการที่เราเป็นแค่คนที่ติดปัญหาแล้วไปถาม ก็จะทำให้บรรยากาศที่คุยกันเป็นการ Challenge กันมากขึ้นและน่าจะทำให้คนเก่งๆนั้นอย่างช่วยเหลือเรามากขึ้น และดูเป็น Profressional ด้วย 🙂